วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 – ความปลอดภัยบนท้องถนนกลายเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง หลังจากเกิดเหตุการณ์วัตถุคล้ายก้อนคอนกรีตตกลงมาจากสะพานลอย บริเวณถนนบางนา-ตราด ส่งผลให้กระจกหน้ารถของผู้ใช้ทางได้รับความเสียหาย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนและประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงเป็นอย่างมาก
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จากการรายงานของสื่อมวลชนและการแชร์ข้อมูลอย่างแพร่หลายบนสื่อสังคมออนไลน์ ได้มีผู้ใช้ทางรายหนึ่งประสบเหตุขณะขับรถผ่านบริเวณใต้สะพานลอยบนถนนบางนา-ตราด เมื่อมีวัตถุแข็งคล้ายก้อนคอนกรีตตกลงมากระทบกระจกหน้ารถจนแตกเสียหาย โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงเวลากลางวัน ซึ่งเป็นช่วงที่มีการจราจรหนาแน่น ทำให้ผู้ขับขี่ตกใจและเกือบเสียหลักชนรถคันอื่น โชคดีที่สามารถควบคุมรถได้ทัน จึงไม่เกิดอุบัติเหตุลุกลามบานปลาย
การตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
หลังจากได้รับรายงานเหตุการณ์ดังกล่าว การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้ส่งทีมวิศวกรลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบโดยทันที เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 โดยผลการตรวจสอบพบว่า โครงสร้างทางพิเศษบูรพาวิถีในความรับผิดชอบของ กทพ. ไม่มีความเสียหายหรือร่องรอยการกระเทาะของคอนกรีตแต่อย่างใด ซึ่งเป็นการยืนยันเบื้องต้นว่า วัตถุที่ตกลงมานั้นไม่ใช่ชิ้นส่วนที่หลุดมาจากโครงสร้างสะพาน
นอกจากนี้ กทพ. ยังได้ประสานงานกับแขวงทางหลวงสมุทรปราการและเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ เพื่อตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าวอย่างละเอียด ซึ่งผลจากการตรวจสอบได้ข้อสรุปที่น่าตกใจว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากการกระทำของมนุษย์ โดยมีบุคคลจงใจโยนก้อนปูนหรือวัตถุแข็งคล้ายคอนกรีตลงมาจากสะพานลอย ในขณะที่มีรถสัญจรผ่านไปมาอยู่ด้านล่าง ซึ่งการกระทำนี้ถือเป็นการก่ออันตรายโดยเจตนา และมีความผิดตามกฎหมายอาญาอย่างชัดเจน
หลักฐานจากกล้องวงจรปิด
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่สามารถเห็นภาพเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจนว่า มีบุคคลปรากฏตัวบนสะพานลอยในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ และมีการโยนวัตถุลงมาจากสะพาน ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่ผู้เสียหายแจ้งว่ากระจกรถได้รับความเสียหาย โดยภาพจากกล้องวงจรปิดนี้จะเป็นหลักฐานสำคัญในการติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ได้รับภาพจากกล้องวงจรปิดไปตรวจสอบและวิเคราะห์เพิ่มเติม เพื่อหาจุดสังเกตหรือลักษณะเฉพาะของผู้ก่อเหตุ รวมถึงการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในเส้นทางที่คาดว่าผู้ก่อเหตุจะใช้หลบหนี เพื่อติดตามเส้นทางการเคลื่อนไหวและนำไปสู่การจับกุมโดยเร็วที่สุด
แผนการดำเนินการต่อไป
การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้แถลงว่า จะประสานงานอย่างใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อติดตามผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ซึ่งการกระทำในลักษณะนี้ถือเป็นความผิดทางอาญาฐานพยายามฆ่า หรืออย่างน้อยที่สุดก็เป็นความผิดฐานก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น ซึ่งมีโทษจำคุกที่ค่อนข้างรุนแรง
นอกจากนี้ กทพ. ยังได้สั่งการให้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตราบริเวณสะพานลอยและจุดเสี่ยงต่างๆ ตลอดเส้นทางถนนบางนา-ตราด และเส้นทางอื่นๆ ในความรับผิดชอบ โดยเพิ่มความถี่ในการตรวจตราของเจ้าหน้าที่และการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันนี้ซ้ำอีก
การให้ความช่วยเหลือผู้เสียหาย
ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือผู้เสียหาย กทพ. ได้ประสานงานกับเจ้าของรถที่ได้รับความเสียหาย เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติมและพิจารณาแนวทางในการให้ความช่วยเหลือตามความเหมาะสม โดยเจ้าของรถสามารถนำหลักฐานและเอกสารที่เกี่ยวข้องมาติดต่อเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายได้ทันที
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดถูกจับกุมได้ ผู้เสียหายสามารถดำเนินคดีเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้กระทำความผิดได้ตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่ง กทพ. พร้อมที่จะให้ข้อมูลและหลักฐานที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินคดี
ผลกระทบต่อสังคมและความปลอดภัยบนท้องถนน
เหตุการณ์ในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาด้านความปลอดภัยบนท้องถนนที่ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุหรือความประมาทเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการกระทำที่มีเจตนาร้ายของบุคคลบางกลุ่ม ซึ่งนอกจากจะสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินแล้ว ยังอาจนำไปสู่การสูญเสียชีวิตได้หากเกิดอุบัติเหตุลุกลาม
การสร้างความตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชนในการสอดส่องดูแลพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมบนท้องถนนจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยหากพบเห็นบุคคลที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย หรือกำลังกระทำการที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่น ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
ข้อแนะนำสำหรับผู้ใช้ทาง
การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ขอย้ำเตือนผู้ใช้ทางให้ระมัดระวังในการขับขี่ยานพาหนะ โดยเฉพาะเมื่อต้องขับผ่านใต้สะพานลอยหรือจุดเสี่ยงต่างๆ และหากประสบเหตุการณ์ในลักษณะนี้หรือเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกัน ขอความกรุณาแจ้งเหตุหรือติดต่อกับ กทพ. โดยตรงผ่านทาง EXAT Call Center โทร 1543 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อที่ กทพ. จะได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการช่วยเหลือผู้เสียหายให้ได้รับความเป็นธรรมโดยเร็วที่สุด
นอกจากนี้ กทพ. ยังได้ย้ำเตือนให้ผู้ใช้ทางทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการรายงานเหตุการณ์ผิดปกติที่พบเห็นบนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นวัตถุแปลกปลอมบนผิวจราจร สภาพถนนที่ชำรุด หรือพฤติกรรมที่น่าสงสัยของบุคคลบนสะพานลอยหรือบริเวณใกล้เคียง เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะได้เข้าตรวจสอบและแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที ก่อนที่จะเกิดอันตรายหรือความเสียหายขึ้น
บทสรุป
เหตุการณ์โยนก้อนปูนจากสะพานลอยบนถนนบางนา-ตราดในครั้งนี้ ถือเป็นอุทาหรณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของความปลอดภัยบนท้องถนน และความจำเป็นในการมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะในจุดเสี่ยงต่างๆ ซึ่งการแก้ไขปัญหานี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป ในการช่วยกันสอดส่องดูแลและรายงานเหตุการณ์ผิดปกติที่อาจนำไปสู่อันตรายต่อผู้ใช้ทาง
การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างเต็มที่ในการปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยบนเส้นทางในความรับผิดชอบ และจะประสานงานอย่างใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมาย และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันนี้ในอนาคต